การแข่งขันรอบรองชนะเลิศนี้ ทีมชาติไทยซึ่งมีอันดับโลกสูงกว่า (อันดับ 5) พบกับจีนเจ้าภาพ (อันดับ 24) โดย “โค้ชโอ” ธนาธร สันทนาประสิทธิ์ ส่งผู้เล่น 5 คนแรก ได้แก่ ศศิประภา สุขเสน (GK), เจนจิรา บุบผา, อารียา แซ่เติ๋น, ณัฐมน อาจกล้า และ ดาริกา เพียรภายลุน

เกมเริ่มต้นอย่างดุเดือด นาทีที่ 11 ไทยขึ้นนำ 1-0 จากลูกเตะมุมที่ หทัยชนก เทพคุณ เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ บอลแฉลบ ซู่ หยิงหลาน เข้าประตูตัวเองไป แต่จีนไม่ยอมแพ้ นาทีที่ 16 ไล่ตีเสมอ 1-1 จาก ฟ่าน ยู่คิว และพลิกขึ้นนำ 2-1 จาก เก้า เจียยี่ หลังจากนั้น ไทยเหลือผู้เล่น 4 คน เมื่อ ศศิประภา สุขเสน ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 20 จบครึ่งแรกจีนนำ 2-1

ครึ่งหลัง ไทยต้องเล่น 4 คนในช่วงแรก ก่อนจะได้จุดโทษในนาทีที่ 26 จากจังหวะที่ เจนจิรา บุบผา ยิงบอลโดนมือผู้เล่นจีน และเจนจิรารับหน้าที่สังหารไม่พลาด ตีเสมอ 2-2 ได้สำเร็จ จากนั้นนาทีที่ 32 อารียา แซ่เติ๋น พาบอลเข้ากรอบเขตโทษก่อนยิงบอลแฉลบ ซ่าน ฮุ่ยหมิน เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง ส่งไทยขึ้นนำ 3-2

ช่วงท้ายเกมจีนพยายามเล่นพาวเวอร์เพลย์เพื่อหวังตีเสมอแต่ไม่สำเร็จ จบเกม ฟุตซอลหญิงทีมชาติไทยชนะจีน 3-2 คว้าสิทธิ์เข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมคว้าตั๋วไปฟุตซอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รายการนี้จัดแข่งขันในระดับโลก

สำหรับรอบชิงชนะเลิศ ฟุตซอลหญิงทีมชาติไทยจะพบกับผู้ชนะระหว่างญี่ปุ่นหรืออิหร่าน ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เวลา 19.00 น. ณ สนามกีฬาโฮฮอต ประเทศจีน ถ่ายทอดสดทาง YouTube : AFC Asian Cup

นอกจากนี้ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ได้มอบเงินอัดฉีด 1.5 ล้านบาทให้กับทีมฟุตซอลหญิงไทย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจหลังสร้างประวัติศาสตร์ครั้งนี้

ฟุตซอลหญิงไทยจึงไม่เพียงแต่คว้าชัยเหนือเจ้าภาพจีนในเกมสุดระทึก แต่ยังทำลายสถิติเดิมด้วยการทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศชิงแชมป์เอเชียสมัยแรก และได้สิทธิ์ลุยศึกฟุตซอลโลก 2025 อย่างยิ่งใหญ่